dga
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
ของ “แพลตฟอร์มดิจิทัลประชาชน / แอปพลิเคชันทางรัฐ”

สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ “สพร.” ตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน และมุ่งมั่นในการดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักความจำเป็น ความชอบด้วยกฎหมาย ความโปร่งใส และความปลอดภัย โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

โดย สพร. ได้มีการให้บริการ “แพลตฟอร์มดิจิทัลประชาชน / แอปพลิเคชันทางรัฐ” (ต่อไปเรียกว่า “แพลตฟอร์ม”) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง และเป็นช่องทางที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และบริการในแพลตฟอร์มนี้จะมีในส่วนบริการหลัก เช่น การพิสูจน์และยืนยันตัวตน การรับข้อความแจ้งเตือน เป็นต้น และในส่วนบริการย่อย ซึ่ง สพร. หรือหน่วยงานเจ้าของบริการย่อยดังกล่าวเป็นผู้พัฒนาและนำมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม

ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“ประกาศ”) จึงจัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่าน ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทราบถึงแนวทางและหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ สพร. ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม

1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ สพร. อาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย มีดังนี้
1.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง วีซ่า ใบอนุญาตทำงาน ทะเบียนบ้าน) เป็นต้น
1.2 ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารจากหน่วยงานรัฐ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลชื่อบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
1.3 ข้อมูลชีวมิติ เช่น ภาพถ่ายใบหน้า เป็นต้น
1.4 ข้อมูลการประกอบอาชีพ เช่น ประเภทกิจการ ตำแหน่ง หน่วยงาน เป็นต้น
1.5 ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีธนาคาร เป็นต้น
1.6 ข้อมูลทางเทคนิค เช่น คุกกี้ (Cookies ID) ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Traffic Log) ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง (Location) เป็นต้น
1.7 ข้อมูลการใช้งาน เช่น ข้อมูลพฤติกรรมการใช้แพลตฟอร์ม เป็นต้น

สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น สพร. จะมีการจัดเก็บเท่าที่จำเป็น และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงในบางกรณีอาจมีขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับบางบริการ เช่น ข้อมูลชีวมิติ เป็นต้น และ สพร. จะแจ้งให้ท่านทราบอย่างชัดแจ้งถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลอ่อนไหวดังกล่าว

โดยทั่วไป สพร. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ได้แก่ การลงทะเบียนและการพิสูจน์ยืนยันตัว เพื่อเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มหรือการกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มในบริการย่อยต่าง ๆ หรือเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์สื่อสารที่ท่านใช้และได้อนุญาตให้ระบบเข้าถึง เช่น ข้อมูลตำแหน่งพิกัด เป็นต้น หรือท่านได้แนบส่งเอกสารที่มีข้อมูลของท่านเข้ามาผ่านบริการแพลตฟอร์มหรือส่งมายัง สพร. เป็นต้น

ทั้งนี้ ในบางกรณี สพร. อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นที่เป็นบุคคลที่สาม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการให้บริการแพลตฟอร์มและบริการย่อย เช่น การเชื่อมต่อบริการของหน่วยงานภาครัฐหรือผู้ให้บริการภายนอกที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น โดยการจัดการข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

2. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ประกาศนี้เป็นการกำหนดหลักการและหลักปฏิบัติกลาง ในการจัดการและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม โดยส่วนบริการหลักของแพลตฟอร์มนั้น มีวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะเป็นไปตามตารางด้านล่างนี้
ในส่วนของบริการย่อย เนื่องจากแต่ละบริการย่อยจะมีรูปแบบและการให้บริการที่แตกต่างกัน ดังนั้น หลักเกณฑ์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย และรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่แต่ละบริการย่อยมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยก็จะแตกต่างกัน สพร. จึงได้มีการจัดทำรายละเอียดเป็นตารางแยกตามแต่ละบริการย่อยแนบท้ายประกาศนี้
ทั้งนี้ บริการย่อยแนบท้ายประกาศ จะเป็นบริการย่อยที่ สพร. เป็นผู้ควบคุมและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในบริการดังกล่าวเท่านั้น สำหรับบริการย่อยที่เป็นของหน่วยงานผู้ร่วมให้บริการซึ่งนำมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม และหน่วยงานดังกล่าวเป็นผู้ควบคุมและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดย สพร. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริการย่อยนั้นจะเป็นไปตามนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของหน่วยงานผู้ร่วมให้บริการนั้น
วัตถุประสงค์ ฐานกฎหมาย ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล
1.1 เพื่อให้บริการแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงและเข้าใช้บริการย่อยต่าง ๆ - เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะขององค์กร หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบหมาย
- เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา หรือ
- สพร. ได้รับความยินยอมจากท่าน
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขหลังบัตรประชาชน (Laser Code) วัน เดือน ปีเกิด ภาพถ่ายหน้าบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ข้อมูลติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์มือถือ
- ข้อมูลชีวมิติ เช่น ภาพถ่ายใบหน้า เป็นต้น (สพร. จะมีการขอความยินยอม)
1.2 เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตน และตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง สำหรับการใช้บริการที่ปลอดภัย
1.3 เพื่อวิเคราะห์ ปรับปรุง และพัฒนาระบบและบริการให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ - สพร. ได้รับความยินยอมจากท่าน
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น
- ข้อมูลการใช้งาน เช่น พฤติกรรมการใช้งานแพลตฟอร์ม เป็นต้น
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ข้อมูลคุกกี้ เป็นต้น (ข้อมูลคุกกี้ สพร. จะมีการขอความยินยอม)
1.4 เพื่อแจ้งเตือนท่านในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ภัยพิบัติ หรือเหตุสำคัญ

หมายเหตุ: การแจ้งเตือนนี้ จะแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม หรือข้อมูลติดต่อที่ท่านได้ให้ไว้ผ่านการใช้บริการแพลตฟอร์ม หรือบริการอื่นของ สพร.

- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะขององค์กร หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบหมาย
- เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุ อาชีพ เป็นต้น
- ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล เป็นต้น
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ตำแหน่งพิกัดที่ตั้ง (location) เป็นต้น
- ข้อมูลการใช้งาน เช่น พฤติกรรมการใช้งานแพลตฟอร์ม เป็นต้น
1.5 แจ้งข้อมูล หรือบริการ หรือสวัสดิการภาครัฐที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับท่าน หรือที่ท่านอาจจะได้รับประโยชน์จากภาครัฐ

หมายเหตุ: การแจ้งข้อมูลสำคัญตามข้อนี้ จะแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม

- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะขององค์กร หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบหมาย
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุ ที่อยู่ เป็นต้น
- ข้อมูลติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
- ข้อมูลการประกอบอาชีพ เช่น ประเภทกิจการ เป็นต้น
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ตำแหน่งพิกัดที่ตั้ง (location) เป็นต้น
- ข้อมูลการใช้งาน เช่น พฤติกรรมการใช้งานแพลตฟอร์ม เป็นต้น
1.6 เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวัง ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการ - เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (เพื่อปฏิบัติตามมาตรา 26 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560) เป็นต้น

3. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

โดยที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้สิทธิดังที่ปรากฏด้านล่างแก่ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. ได้มีการเก็บรวบรวม และนำไปใช้หรือเปิดเผย ดังนั้น สพร. จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ท่านในการดำเนินการตามสิทธิ ดังนี้
1) สิทธิในการได้รับแจ้ง สพร. จะมีการแจ้ง “ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)” ที่มีรายละเอียดวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ชัดเจน
2) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านสามารถขอเพิกถอนความยินยอมที่เคยให้ สพร. ไว้ได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความ ยินยอมไปแล้วโดยชอบ เฉพาะสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยใช้ฐานความยินยอม (consent) เป็นฐานทางกฎหมาย แต่ไม่รวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม
3) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล ท่านสามารถขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอให้ สพร. เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
4) สิทธิในการแก้ไขข้อมูล ท่านสามารถขอให้มีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องได้ เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวมีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
5) สิทธิในการลบข้อมูล ท่านสามารถขอให้ สพร. ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้
6) สิทธิในการโอนข้อมูล ในกรณีที่ระบบข้อมูลของ สพร. รองรับการอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานอัตโนมัติ และสามารถใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ รวมถึงขอให้มีการโอนถ่ายข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลอื่นโดยอัตโนมัติได้ และขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการส่งหรือโอนดังกล่าวได้ เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7) สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูล ท่านสามารถขอให้ สพร. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
8) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล ท่านสามารถขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้
9) สิทธิร้องเรียน ในกรณีที่ สพร. ผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างของ สพร ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ ในบางกรณี สพร. อาจปฏิเสธคำขอใช้สิทธิของท่านข้างต้นได้ หากมีเหตุอันชอบธรรมตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่น หรือเป็นการดำเนินการใด ๆ เพื่อวัตถุประสงค์หรือเป็นกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือเป็นกรณีที่อาจส่งผลกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิหรือเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่น
โดยหากท่านมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิดังกล่าวหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิ ท่านสามารถดำเนินการได้โดยติดต่อ สพร. ตามช่องทางติดต่อตามข้อ 11

4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

สพร. จะไม่เผยแพร่ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของท่านที่ สพร. ได้เก็บรวบรวมไว้ให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่เป็นการดำเนินการตามที่กำหนดในประกาศนี้ หรือเมื่อได้รับการร้องขอหรือได้รับความยินยอมจากท่าน หรือภายใต้บางสถานการณ์ ดังนี้
4.1 กรณีเพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Identity Proofing and Authentication) โดย สพร. จะมีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอัตลักษณ์ (Identity Information) เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเปรียบเทียบข้อมูล เช่น กรมการปกครอง เป็นต้น
4.2 กรณีเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงและเข้าใช้บริการต่าง ๆ ของหน่วยงานผู้ร่วมให้บริการอื่นที่มีอำนาจหรือหน้าที่ตามกฎหมายในการให้บริการดังกล่าว โดยหน่วยงานดังกล่าวได้มีการเชื่อมต่อบริการหรือกระบวนการให้บริการกับแพลตฟอร์ม
4.3 กรณีที่ สพร. เชื่อโดยสุจริตว่า เป็นการดำเนินการที่มีการมอบอำนาจ มอบอำนาจช่วง ตัวแทน หรือผู้แทนโดยชอบธรรมของท่านที่มีอำนาจตามกฎหมายโดยชอบ
4.4 กรณีที่ สพร. เชื่อโดยสุจริตว่าเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นการดำเนินการตามหมายศาล คำสั่งศาล หรือกระบวนการยุติธรรม
4.6 กรณีที่ สพร. เชื่อโดยสุจริตและมีเหตุผลที่ดีที่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ สพร. จำเป็นต้องดำเนินการ ได้แก่
- เพื่อการสืบสวน สอบสวน และระงับเหตุอาชญากรรม การทุจริต การฉ้อโกง หรือ
- เพื่อป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามตลอดจนการกระทำที่อาจสร้างความเสียหายต่อสิทธิ ทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยของสาธารณะ รวมถึงของ สพร. และผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือ
- เพื่อป้องกันหรือรับมือการกระทำที่ละเมิดต่อข้อตกลงการใช้บริการของสพร. หรือต่อกฎหมาย
ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกรณีดังกล่าวข้างต้น สพร. จะเปิดเผยเท่าที่จำเป็น และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรฐานสากลที่ สพร. ประกาศใช้ในองค์กร

5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

ในบางกรณี สพร. อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ โดย สพร. จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานหรือประเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเพียงพอ ทั้งนี้ โดยดำเนินการตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
5.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้ สพร. ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
5.2 ได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ
5.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
5.4 เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่าง สพร. กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน
5.5 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
5.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

สพร. จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจนกว่าท่านจะแจ้งความจำนงต่อ สพร. ว่าจะไม่ใช้แพลตฟอร์มอีกต่อไป เช่น ท่านดำเนินการลบบัญชีผู้ใช้งานของแพลตฟอร์ม หรือท่านได้แจ้งต่อ สพร. เพื่อให้ สพร. ยกเลิกการให้บริการแพลตฟอร์มแก่ท่าน โดย สพร. จะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายในระยะเวลา 30 วันนับจากวันที่ท่านได้แจ้งความจำนงต่อ สพร. ข้างต้น
โดยในการลบหรือทำลายในบางกรณี สพร. อาจใช้วิธีการที่ทำให้ข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (anonymization) เพื่อนำข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เช่น ข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการ เป็นต้น มาสำรวจและวิเคราะห์เพื่อพัฒนาปรับปรุงการให้บริการต่อไป
สำหรับข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากการเข้าใช้งานแพลตฟอร์มจะถูกจัดเก็บเป็นระยะเวลา 90 วัน

อย่างไรก็ดี สพร. อาจจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกินระยะเวลาที่กำหนดข้างต้น หากมีเหตุที่ สพร. ได้รับแจ้งหรือเชื่อโดยสุจริตได้ว่าอาจมีการกระทำละเมิดข้อตกลงการใช้บริการของ สพร. หรือมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือเกิดข้อพิพาท และจำเป็นต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตลอดจนรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดย สพร. จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นกำหนด

7. การใช้คุกกี้

สพร. อาจใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันบนแพลตฟอร์ม เพื่อการดำเนินนการด้านความปลอดภัยในการให้บริการและเพื่อให้ท่านได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีใช้การใช้บริการ และข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมจากการใช้คุกกี้เหล่านี้จะถูกนำไปปรับปรุงแพลตฟอร์มและบริการของ สพร. เพื่อให้ตรงกับความต้องการของท่านมากขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเอง โปรดศึกษาเกี่ยวกับการใช้งานและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมจากนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

8. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

สพร. ตระหนักถึงความไว้วางใจของท่านที่ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญกับ สพร. โดยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ สพร. ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรการและการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลเหล่านั้นจะได้รับการปกป้องดูแล และพร้อมให้เจ้าของข้อมูลเข้าถึงและตรวจสอบ
โดย สพร. ได้มีการออกนโยบายความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศทางไซเบอร์ (Information and Cyber Security Policy) มาใช้ภายในองค์กร ซึ่งตัวอย่างมาตรการและการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยในการปกป้องดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. มีการนำมาใช้ เช่น
อย่างไรก็ตาม โปรดตระหนักว่า การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายสาธารณะหรือการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะหรือแม้แต่การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของท่านซึ่งติดมัลแวร์ มีความเสี่ยง และ สพร. ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยในข้อมูลของท่าน ซึ่งอาจถูกลักลอบเข้าถึง หรือถูกเปิดเผย หรือถูกโอนถ่ายออกไป และทำให้ท่านเกิดความเสียหายได้

9. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ สพร. อาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราวเพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการให้บริการ และ สพร. จะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านแพลตฟอร์มหรือช่องทางอื่นใดที่ สพร. เห็นสมควร โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย และขอให้ท่านโปรดตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับทราบประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับล่าสุดอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะส่งข้อมูลส่วนบุคคลมาที่แพลตฟอร์ม
โดยในการเข้าใช้แพลตฟอร์มของท่าน ถือเป็นการรับทราบและยอมรับตามข้อตกลงในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ โปรดหยุดและยกเลิกการใช้แพลตฟอร์ม หากท่านยังคงใช้แพลตฟอร์มนี้ ภายหลังจากที่ข้อตกลงนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มแล้ว ให้ถือว่าท่านได้รับทราบและยอมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

10. การเชื่อมต่อเว็บไซต์หรือบริการภายนอก

บริการแพลตฟอร์มอาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลภายนอก ซึ่งเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวอาจมีประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) หรือนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากประกาศฉบับนี้ หรือแตกต่างจากนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ สพร. จึงแนะนำให้ท่านศึกษาประกาศและนโยบายดังกล่าวของเว็บไซต์หรือบริการนั้น ๆ เพื่อทราบในรายละเอียดก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ สพร. ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าว และไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหาประกาศ นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลภายนอก

11. ช่องทางการติดต่อ

สพร. เปิดโอกาสให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีส่วนร่วมในการควบคุมและจัดการข้อมูลของตน โดยสามารถยื่นคำร้องขอใช้สิทธิตามข้อ 3 หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน DGA Contact Center โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ที่อยู่ อาคารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ชั้น 4 เลขที่ 999 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
หมายเลขโทรศัพท์ 02-612-6060
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ contact@dga.or.th
เว็บไซต์ https://www.dga.or.th/contact-dga/
โดย สพร. จะพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขข้อกังวลและปัญหาต่าง ๆ

หมายเหตุ: คำร้องสามารถยื่นโดยเจ้าของข้อมูลเอง หรือโดยบุคคลที่มีอำนาจแทนตามกฎหมาย เช่น ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ โดยต้องแนบหลักฐานแสดงตนหรือหนังสือมอบอำนาจตามที่ สพร. กำหนด

ประกาศนี้ใช้บังคับเมื่อวันที่ 18 เดือนกรกฎาคม 2568




บริการย่อยแนบท้ายประกาศ


สำหรับบริการย่อยแนบท้ายประกาศนี้ เป็นบริการย่อยที่มีการให้บริการผ่าน “แพลตฟอร์มดิจิทัลประชาชน” หรือ “แอปพลิเคชันทางรัฐ” และเฉพาะในส่วนของบริการที่ สพร. มีสิทธิควบคุมและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่มาใช้บริการดังกล่าวในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
โดยหลักเกณฑ์และข้อกำหนดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้กำหนดในตารางบริการย่อยนี้ เช่น สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ช่องทางการติดต่อ เป็นต้น ให้ใช้ข้อกำหนดร่วมกับประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของ“แพลตฟอร์มดิจิทัลประชาชน” หรือ “แอปพลิเคชันทางรัฐ” ที่เป็นประกาศหลัก
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และแนวทางเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงไว้ในตารางของแต่ละบริการย่อย จะระบุเฉพาะหัวข้อที่มีรายละเอียดการดำเนินการที่อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะของบริการย่อยดังกล่าว
สำหรับหัวข้อหรือหลักเกณฑ์ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในตาราง แต่มีระบุไว้ในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของ “แพลตฟอร์มดิจิทัลประชาชน / แอปพลิเคชันทางรัฐ” ที่เป็นประกาศหลัก เช่น สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ช่องทางการติดต่อ เป็นต้น ให้ยึดถือและดำเนินการตามประกาศหลักดังกล่าว
รายชื่อบริการย่อยมีดังต่อไปนี้
  •  ทางรัฐ Wallet
  •  ระบบลงทะเบียนอาสาสมัครกู้ภัยผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ

1. บริการย่อย: ทางรัฐ Wallet

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. เก็บรวมรวม ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. อาจมีการเก็บรวบรวม ได้แก่
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน เลขหลังบัตรประชาชน (Laser Code) เป็นต้น
- ข้อมูลติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน เลขหลังบัตรประชาชน (Laser Code) เป็นต้น
- ข้อมูลการประกอบอาชีพ เช่น เจ้าของร้านค้า เกษตรกร เป็นต้น
- ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชีธนาคาร หมายเลขบัญชีธนาคาร
- ข้อมูลการใช้งาน เช่น ประวัติการเข้าใช้ ประวัติการใช้สิทธิ เป็นต้น
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ตำแหน่งพิกัดที่ตั้ง (Location) ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Traffic Log) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ที่ สพร. เก็บรวมรวม -ไม่มี-
วัตถุประสงค์ที่ สพร. จำเป็นต้องเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน - เพื่อให้บริการท่านในการรับสิทธิสวัสดิการ การช่วยเหลือเยียวยา ในโครงการของภาครัฐ
- เพื่อให้บริการท่านในการนำสิทธิที่ได้รับไปใช้จ่ายหรือถอนเป็นเงินสด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่โครงการของภาครัฐกำหนด
- เพื่อติดตาม ตรวจสอบ รวมถึงให้ความช่วยเหลือท่านเกี่ยวกับการรับสิทธิและใช้สิทธิของท่านตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ
- เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และดูแลบริการให้มีความมั่นคงปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการใช้บริการอย่างไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม
- เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินโครงการ รวมถึงการจัดทำข้อมูลในเชิงสถิติ โดยข้อมูลบางส่วนอาจถูกประมวลผลและแสดงผลเป็นข้อมูลในภาพรวมโดยวิธีการทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
- เพื่อนำไปวิจัยและพัฒนาประกอบการปรับปรุงบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ฐานกฎหมาย - จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา
- จำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะขององค์กร หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบหมาย
- ปฏิบัติตามกฎหมายที่ สพร. ต้องปฏิบัติตาม
ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล - จะมีการจัดเก็บข้อมูลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น และเหมาะสมกับการให้บริการท่าน
- โดยเมื่อ สพร. เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวไม่มีความจำเป็นต้องประมวลผล หรือพ้นกำหนดระยะเวลาการจัดเก็บแล้ว จะมีการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
- เว้นแต่กรณีที่ สพร. ได้รับแจ้งหรือเชื่อโดยสุจริตได้ว่าอาจมีการกระทำละเมิดข้อตกลงการใช้บริการของ สพร. หรือมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ หรือเกิดข้อพิพาท และจำเป็นต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตลอดจนรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดย สพร. จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นกำหนด
สพร. มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเปิดเผย
- ภายในองค์กร และเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- ผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลภายนอก (outsource) ที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลการดำเนินงานดังกล่าวให้กับ สพร. (กรณีที่มีการว่าจ้าง)
- หน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้ร่วมให้บริการ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการ หน่วยงานเจ้าของงบประมาณ หรือหน่วยงานเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นต้น ซึ่งแต่ละโครงการจะมีหน่วยงานที่เป็นผู้ร่วมให้บริการที่แตกต่างกันตามหน้าที่ความรับผิดชอบ
- หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบการดำเนินโครงการ
- หน่วยงานอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องนำข้อมูลการใช้สิทธิของท่านไปดำเนินการหรือให้บริการกับท่านต่อ เช่น ธนาคาร เป็นต้น ทั้งนี้จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ -ไม่มี-

2. บริการย่อย: ระบบลงทะเบียนอาสาสมัครกู้ภัยผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สพร. เก็บรวมรวม สพร. อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลบางส่วนหรือทั้งหมด ได้แก่
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประชาชน, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล เป็นต้น
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูล ตำแหน่งพิกัดที่ตั้ง (Location) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ที่ สพร. เก็บรวมรวม -ไม่มี-
วัตถุประสงค์ที่ สพร. จำเป็นต้องเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน - เพื่อให้บริการลงทะเบียนและการยืนยันตัวตน และตรวจสอบคุณสมบัติของอาสาสมัครกู้ภัย รวมถึงการบริหารจัดการอาสาสมัคร
- เพื่อคัดเลือกและจัดสรรภารกิจ ใช้สำหรับแสดงรายการโครงการหรือเหตุการณ์กู้ภัยที่เปิดรับ และอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนเข้าร่วมในแต่ละภารกิจ
- เพื่อให้มีฐานข้อมูลอาสาสมัคร สำหรับให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการข้อมูลอาสาสมัครได้อย่างเป็นระบบ โปร่งใส และทันต่อสถานการณ์
ฐานกฎหมาย - จำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะขององค์กร หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบหมาย
- ปฏิบัติตามกฎหมายที่ สพร. ต้องปฏิบัติตาม
ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล - จะมีการจัดเก็บข้อมูลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น และเหมาะสมกับการให้บริการ
- โดยเมื่อ สพร. เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวไม่มีความจำเป็นต้องประมวลผล หรือพ้นกำหนดระยะเวลาการจัดเก็บแล้ว จะมีการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
- เว้นแต่กรณีที่ สพร. ได้รับแจ้งหรือเชื่อโดยสุจริตได้ว่าอาจมีการกระทำละเมิดข้อตกลงการใช้บริการของ สพร. หรือมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ หรือเกิดข้อพิพาท และจำเป็นต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตลอดจนรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดย สพร. จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นกำหนด
สพร. มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเปิดเผย
- ภายในองค์กร และเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- ผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลภายนอก (outsource) ที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลการดำเนินงานดังกล่าวให้กับ สพร. (กรณีที่มีการว่าจ้าง)
- หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลอาสาสมัคร
- หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลและแก้ไขปัญหาที่ท่านแจ้ง
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ -ไม่มี-